skip to Main Content

50 แล้วเที่ยวซะ ตอน..อินเดีย อินเลิฟ

อุ๊ย…ตกหลุมรักอินเดีย

ขึ้นชื่อว่าประเทศอินเดียแล้ว หลายคนอาจร้องยี้ทั้งที่ยังไม่เคยไป แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไปแล้วไปอีกเรียกว่าเข้าขั้นหลงรักหัวปักหัวปำกันเลยทีเดียว ใครที่ยังลังเล กลัวๆกล้าๆ ว่าจะลองไปเที่ยวอินเดียดูซักครั้งดีมั๊ย ลองดูเหตุผลเหล่านี้ว่าทำไมอินเดียถึงน่าเที่ยวนัก

อินเดียมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย นอกจากพุทธคยาที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ(ผิด)ว่าอินเดียมีเท่านี้ แต่อินเดียมีมากกว่านั้น อินเดียมีเทือกเขายิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างเทือกเขาหิมาลัยที่สวยจนร้องว๊าวได้ไม่แพ้ยุโรป มีศาสนสถานที่ถูกบรรจงสร้างอย่างวิจิตรงดงามและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์นานนับ 1,000 ปี อินเดียมีทะเลสวยแถมด้วยปาร์ตี้ชายหาดแสนสนุกและอาหารทะเลที่สดอร่อยล้ำ มีไร่ชาบรรยากาศดีและใบชาชื่อก้องโลก มีอุทยานแห่งชาติที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิดสร้างความตื่นตาให้นักนิยมไพร เรียกได้ว่าใครอยากเที่ยว mode ไหน อินเดียจัดให้

วิวหิมาลัย สวยไม่ยอมใคร
วังสายลม ณ.เมืองชัยปุระ

อินเดียมีวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์และเป็นหนึ่งเดียวในโลก แถมยังเป็นแม่แบบของวัฒนธรรมเอเชียหลายๆประเทศรวมทั้งประเทศไทยอีกด้วย เทศกาลต่างๆที่มีตลอดทั้งปีเต็มไปด้วยความสนุกสนานอย่างเทศกาล Holi ที่คล้ายเทศกาลสงกรานต์ แต่จะสาดน้ำเปล่าๆก็ดูจะธรรมดาไป ต้องสาดทั้งน้ำสีและสีฝุ่นเขียวชมพูส้มเหลืองม่วงให้เลอะเทอะตั้งแต่หัวจรดเท้า เรียกว่ายิ่งเลอะยิ่งสนุก หรือเทศกาลอูฐ Camel Festival ที่เหล่าอูฐน้อยใหญ่ได้ออกมาแต่งตัวอวดโฉมกัน แถมยังมีการประกวดหนวดงามว่าใครจะยาวโง้งโค้ง8 ตลบกว่ากัน ที่ว่ามานี่แค่ 2 เทศกาลจากเทศกาลหย่ายยย 20-30 เทศกาลต่อปีนะจ๊ะ

สีสันของอินเดียเป็นสวรรค์ของนักถ่ายรูป สาวอินเดียมีความสามารถในการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีตรงข้ามสุดๆชนิดที่ fashionista ยังต้องทึ่ง สีเขียวอยู่กับชมพู หรือม่วงอยู่กับเหลืองได้อย่างลงตัว แถมสีแสบทรวงยังลามไปถึงผ้าโพกหัวของชายฉกรรจ์แถบราชาสถาน หรือเครื่องตกแต่งประดับประดาของเหล่าช้างอูฐในงานเทศกาลต่างๆที่มีตลอดปี ใครชอบถ่ายรูปเห็นแล้วรับรองอดใจไม่ไหว กด shutter รัวๆจน memory card กี่ใบก็ไม่พอ

ชายชาวราชาสถานกับผ้าโพกหัวสีเจ็บ

อาหารอินเดียติดอันดับอาหารอร่อยระดับโลก มีตั้งแต่ระดับมิชลินสตาร์ในภัตตาคารหรูที่บริกรแทบจะป้อนเข้าปาก ไปจนถึง street food ที่ประเมินด้วยสายตาแล้วคิดไปว่าสีสันเยอะขนาดนี้จะกินเข้าไปได้จริงเหรอ แต่ถ้าได้ลิ้มลองแล้วเป็นต้องขอเบิ้ล (ขอแนะนำว่าควรสร้างภูมิด้วยการเที่ยวอินเดียหลายทริปสักหน่อยก่อนจะลอง street food นะจ๊ะ) หรือเครื่องดื่มสุดฮิตระดับประเทศอย่าง Masala chai (ชาใส่เครืองเทศ) ที่ใครได้ลิ้มลองแล้วเป็นต้องติดใจทุกคน ส่วนใครที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ขอบอกเลยว่าอินเดียเป็นสวรรค์ของชาวมังสวิรัติที่แท้ทรูเพราะมีร้านอาหารมังสวิรัติอยู่ทุกหัวระแหง อยากกิน..ได้กิน

คนอินเดียเป็นคนที่มีความสุข แถมเป็นคนอารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นมิตร และมีอารมณ์ขัน คนอินเดียพร้อมที่จะช่วยเหลือทุกคนที่ลำบาก ไม่ว่าคนๆนั้นจะมีฐานะทางสังคมที่ดีกว่าหรือแย่กว่า แม้จะยากจนสุดใจแต่คนอินเดียสามารถสร้างความสุขจากสิ่งรอบกายและมีรอยยิ้มให้กับชีวิตแร้นแค้นได้อย่างสบาย เที่ยวอินเดียครั้งใดทำให้เราปรับเปลี่ยนมุมมองชีวิตทุกครั้งที่ไปเยือน

รอยยิ้มอินเดีย

รู้สึกราวกับเป็นเซเลบเมื่ออยู่ท่ามกลางคนอินเดีย (ข้อนี้อาจฟังดูเป็นเหตุผลส่วนตัวนิสนุง 555) เพราะคนอินเดียชอบรุมขอถ่ายรูปทั้งคู่และหมู่กับนักท่องเที่ยวราวกับเห็นซุปตาร์ทั้งที่หน้าตาเราก็แสนจะบ้านๆ เดินไปไหนก็มีแต่คนเหลียวมอง บางครั้งถึงขั้นจ้องกันแบบตรงๆไม่เกรงใจ แล้วเลยเถิดเข้ามาทักทายถามชื่อแซ่แล้วชวนคุยต่อเป็นคุ้งเป็นแคว (และชอบถามว่ามีแฟนหรือยัง อันนี้หนักไปนิด วัยขนาดนี้ควรถามว่ามีหลานหรือยังมากกว่า) หนักไปกว่านั้นอาจถึงกับชวนไปเที่ยวบ้านกันเลยทีเดียว ป๊อบปูล่าขนาดนั้นเลยหละตัวเอง

มะรุมมะตุ้มถ่ายรูปราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน

ตำนานรักโลกต้องจำ
ไหนๆก็ทำใจกล้าไปเที่ยวอินเดียแล้ว สถานที่ห้ามพลาดเด็ดขาดก็คือ “ทัชมาฮาล” หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ เพราะถ้าพลาดชมทัชมาฮาลต้องถือว่าไปไม่ถึงอินเดียอย่างแรง แต่จะเที่ยวให้สนุกได้รสชาติต้องรู้จักตำนานรักเศร้าเคล้าน้ำตาเบื้องหลังกำเนิดทัชมาฮาลซะก่อน

ทัชมาฮาล สวยตระการตา

เปิดฉากแบบลิเกๆ จักรพรรดิ์ Shah Jahan ทรงมีพระมเหสีหลายพระองค์ แต่องค์ที่โปรดปรานที่สุดคือองค์ที่ 3 นามว่าพระนางมุมตัส อยู่มาวันหนึ่งซึ่งไม่ใช่วันธรรมดาเพราะเป็นวันที่พระนางมุมตัสทรงเจ็บพระครรภ์และกำลังจะให้กำเนิดทายาทองค์ที่ 14 (เป็นข้อพิสูจน์ว่าทรงพระเลิฟมากจริงๆ) แต่เจ็บพระครรภ์อยู่นานถึง 30 กว่าชั่วโมงและในที่สุดก็สิ้นพระชนม์พร้อมกับทารกน้อยในครรภ์

จักรพรรดิ์ Shah Jahan ทรงเสียพระทัยมาก จนพระเกศาเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีขาวในเวลาเพียงข้ามคืน พระองค์ตัดสินใจสร้างสุสานเพื่อเป็นอนุสรณ์และแสดงถึงความรักที่มีต่อพระนางมุมตัส สุสานทัชมาฮาลทำด้วยหินอ่อนอินเดียสีขาวทั้งหลัง และประดับประดาด้วยหินสีหลากชนิดจากต่างประเทศ ใช้เวลาสร้าง 22 ปี หมดเงินไป 32 ล้านรูปี (ในสมัยนั้น)

นอกจากนี้ Shah Jahan ยังมีความคิดที่จะสร้างสุสานของพระองค์เองแบบเดียวกับทัชมาฮาล แต่จะทำด้วยหินสีดำทั้งหมด พระองค์ทรงหมกมุ่นกับการสร้างทัชมาฮาลสีดำ จนถูกกล่าวหาว่าสติฟั่นเฟือน (ซึ่งก็สมควรอยู่เพราะแค่สร้างทัชมาฮาลก็หมดเงินและเวลาไปซะขนาดนั้น) และถูกกักบริเวณให้อยู่แต่เพียงให้ป้อมอัคราโดยพระโอรสของพระองค์เอง 7ปีสุดท้ายของพระชนม์ชีพพระองค์ได้แต่เฝ้ามองดูทัชมาฮาลจากป้อมอัคราที่อยู่ไม่ไกล และสิ้นพระชมน์ในอ้อมกอดของพระธิดา

สวนสวยในป้อมอัครา

ที่นี่คุณก็(เกือบ) พร้อมจะไปเที่ยวทัชมาฮาลแล้ว เหลือข้อมูลเล็กๆน้อยๆอีกนิดหน่อยที่ถ้ารู้ก่อนไปก็จะเที่ยวสนุกขึ้น

ไม่ว่าร้านอาหาร หรือ โรงแรมไหนๆจะมีจุดชมทัชมาฮาลบนดาดฟ้ามาเสนอให้คุณตะกายขึ้นชม จงใจแข็งเข้าไว้ เพราะภาพทัชมาฮาลแรกของคุณควรจะมองผ่านซุ้มประตูหลักเข้าไปเท่านั้น รับรองว่ามันจะเป็น love at first sight ของคุณกับทัชมาฮาลอย่างแน่นอน

Taj Mahal at first sight ควรมองจากมุมนี้เท่านั้น

ถึงแม้คนไทยจะหน้าไม่ใกล้เคียงแขกซักนิด แต่ก็มีสิทธิพิเศษเหนือกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติอื่นๆ เพราะคนไทยสามารถซื้อตั๋วเข้าชมทัชมาฮาลได้ในราคาถูกกว่าชาวต่างชาติทั่วไป ในราคาแค่ 540 รูปี (250 บาท) ในขณะที่ชาวต่างชาติอื่นๆต้องจ่ายในราคา 1100 รูปี (500 บาท) เห็นมั๊ยว่าคนอินเดียก็รักคนไทยน๊า แต่ขอแอบกระซิบว่าคนอินเดียจ่ายแค่ 50 รูปี (25 บาท) เท่านั้น…อ่าวววว รักไม่เท่ากันนินา

ควรเข้าชมในตอนเช้าพร้อมพระอาทิตย์ขึ้นเพราะหินอ่อนสีขาวจะเป็นสีชมพูเรื่อๆตามแสงอาทิตย์ที่อาบทาและจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีขาวเมื่อแดดแรงขึ้น ที่สำคัญตอนเช้านักท่องเที่ยวยังไม่มาก คุณอาจมีโอกาสได้ถ่ายภาพเดี่ยวกับทัชมาฮาลโดยไม่มีใครมาเป็นก้างขวางคอ

อย่าเด๋อด๋าไปวันศุกร์ล่ะจะคอตกผิดหวังกลับบ้านมือเปล่า เพราะทัชมาฮาลปิดทุกวันศุกร์เพื่อให้ชาวมุสลิมได้ทำพิธีทางศาสนาประจำสัปดาห์จ้า

การรักษาความปลอดภัยรอบทัชมาฮาลเข้มงวดมาก ก่อนเข้าชม ตรวจสอบกระเป๋าตัวเองให้ดีว่าไม่ได้พก ไฟแช็ค หมากฝรั่ง ของมีคม ขาตั้งกล้อง ติดกระเป๋าไปด้วย ไม่งั้นจะเสียเวลาโดนเจ้าหน้าที่ค้นกระเป๋ากระจุยยยยราวกับหายาเสพติด กระเป๋าใครใหญ่โตต้องทิ้งไว้ที่โรงแรม เค้าอนุญาตให้เอากระเป๋าใบน้อยเข้าไปได้เท่านั้น

ช่วงเวลาพิเศษที่สามารถชมทัชมาฮาลใต้แสงจันทร์ได้ คือ วันพระจันทร์เต็มดวงของทุกเดือน รวมถึง 2 คืนก่อนและหลังวันพระจันทร์เต็มดวงด้วย ราคาตั๋วจะแพงกว่าการเข้าชมปกตินิดนึง

หินอ่อนสีขาวของทัชมาฮาลต้องหมองหม่นกลายเป็นสีเหลืองเพราะ pollution อันร้ายกาจของเมืองอัครา จนทางการอินเดียต้องห้ามรถยนต์เข้าใกล้ทัชมาฮาล แถมเร็วๆนี้นักวิจัยยังพบว่าฐานรากของทัชมาฮาลเริ่มทรุดเนื่องจากสร้างอยู่ริมแม่น้ำ ใครยังไม่ได้ไปชมความงามของทัชมาฮาล…รีบซะ เพราะไม่แน่ว่าอีกไม่นานคุณอาจไม่มีโอกาสได้เข้าชมทัชมาฮาลอย่างใกล้ชิดสนิทเนื้ออีกต่อไป

รู้อย่างนี้แล้ว รีบเก็บกระเป๋าไปเที่ยวอินเดียเลย แต่ขอเตือนก่อนว่า หากใครเริ่มติดใจกลิ่นอินเดียขึ้นมาแล้วละก็ บอกได้คำเดียวว่า…ครั้งเดียวไม่เคยพอ

เรื่องและภาพ by กะปิซ่า

cr.photo : www.unsplash.com

#CountUp #BeginYourFive #LiveUpYourLife #50แล้วเที่ยวซะ #เที่ยวไปให้ใครอิจฉา #อินเดียอินเลิฟ

Share this:

Back To Top
×Close search
Search