skip to Main Content

ใครไม่แคร์ เราแคร์ ยิ่งแห้ง ยิ่งแก่ง่าย

หลายคนอาจจะรู้สึกว่าพอขึ้นเลขห้าทำไมทุกสิ่งอย่างในร่างกายถึงได้แห้งเสียไปหมด ตั้งแต่ผิวที่แห้งและหยาบขึ้น ปากที่เคยชุ่มฉ่ำก็เริ่มแห้งแตกจนรู้สึกเจ็บนิดๆ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องผมที่ความเงางามถูกแทนที่ด้วยความแห้งกระด้างและเปลี่ยนสีไปทีละน้อย มาหาวิธีสลายความแห้งในแบบฉบับของ CountUp กัน เพราะร่างกายเราเอง ใครไม่แคร์เราแคร์นะ

ผิวกาย : เมื่ออายุมากขึ้น ผิวพรรณก็เจอปัญหาขาดความชุ่มชื้นชนิดที่เรียกว่าแห้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จากที่วงจรการผลัดเซลล์ผิวของชั้นหนังกำพร้าจะใช้เวลาราว 4 สัปดาห์ พออายุมากขึ้นปั๊ป เบิ้ลเวลานานขึ้นถึง 2 เท่ากันไปเลย ส่วนการเก็บกักน้ำไว้ที่ผิวหนังก็บางลงถึง 50% คอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นหนังแท้ก็บางลง เส้นใยที่ประสานกันขาดความยืดหยุ่น หรือบางคนก็มีปัจจัยจากอาการแพ้ เพราะร่างกายไว้ต่อกระตุ้นสิ่งต่างๆ รวมถึงการขาดฮอร์โมนไทรอยด์ หรือได้รับยาบางประเภท เช่นยาขับปัสสาวะ หรือกรดวิตามินเอ ก็ทำให้ผิวแห้งขึ้นเช่นกัน

To do:

  • เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีค่าความเป็นด่างน้อย ควรมีค่า pH ประมาณ 5 มีสารเพิ่มความชุ่มชื้นผิว และหลีกเลี่ยงสารลดแรงตึงผิว (surfactant) หรือสารประเภทที่ทำให้เกิดฟองเยอะ ซึ่งก่อให้เกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทออร์แกนิก เพราะปลอดภัยกว่าและไม่เสี่ยงต่อการแพ้
  • งดอาบน้ำอุ่นจัด และพยายามอย่าอาบน้ำนานจนเกินจำเป็น
  • เลือกเสื้อผ้าตัวหลวมๆ ที่ทำจากผ้าคอตตอน แทนพวกใยสังเคราะห์ทั้งหลาย
  • รับประทานอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 6 และ 9 เสริม ซึ่งช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว รวมถึงป้องกันการทำลายใต้ผิวหนังจากรังสียูวี

ผิวหน้า : อย่าวิตกเกินเหตุกับผิวหน้าที่เริ่มแห้ง เหี่ยว หย่อนคล้อย มีริ้วรอยและจุดด่างดำ บางคนถึงกับเครียดจนไม่อยากจะออกไปเจอใครเลยทีเดียว แต่เดี๋ยวก่อน ทุกปัญหามีทางออกและวิธีแก้

To do:

  • เทรนด์การบำรุงผิวหน้าตอนนี้ต้องยกให้ออยล์เซรั่ม ที่ช่วยเรื่องผิวโดยเฉพาะผิวแห้งได้อยู่หมัด ใครที่กังวลว่าจะเหนียวเหนอะหนะ อยากให้เปิดใจ เพราะออยล์เวอร์ชั่น 2019 นี้ได้รับการพัฒนาให้บางเบา และบำรุงได้ล้ำลึก
  • เวลาแต่งหน้า ถ้าอยากให้ดูเด็กลง ลองใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทไพรเมอร์และคอนซีลเลอร์ลงก่อน เป็นการปรับสภาพผิวให้ดูดีขึ้น จะได้ไม่ต้องลงแป้งหรือรองพื้นจนหนาเตอะ ช่วยให้ผิวดูดีขึ้นได้หลายเสต็ปเลยทีเดียว ที่สำคัญคือควรเริ่มออกกำลังกายได้แล้ว รวมถึงดื่มน้ำให้มากขึ้น ผิวจะได้สวยจากภายในอย่างแท้จริง
  • อย่าขี้เหนียวกับครีมกันแดดให้ทาเยอะกว่าปกติ และห้ามลืมทาก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง เลือก SPF สูงๆ หน่อย รับรองถ้าบำรุงและป้องกันเป็นประจำ ผิวหน้าสวยๆ จะอยู่กับเราไปอีกนาน

ปาก : ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าวัยที่มากขึ้นทำให้ปากของเราแห้งขึ้นไปด้วย เกิดจากต่อมน้ำลายในปากไม่ผลิตน้ำลายเพิ่มความชุ่มชื้นอย่างเพียงพอ ซึ่งอาจมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด เช่นยารักษาความดันโลหิตสูง หรือยาแก้แพ้ ผลข้างเคียงจากโรคประจำตัว

To do:

  • หมั่นจิบน้ำบ่อยๆ น้ำอุณหภูมิห้องหรือเครื่องดื่มปราศจากน้ำตาล
  • หลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดจัดหรือเค็มจัด เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองในช่องปาก
  • อมลูกอมหรือเคี้ยวหมากฝรั่งที่ปราศจากน้ำตาล เพื่อกระตุ้นให้ต่อมน้ำลายผลิตน้ำลายออกมามากขึ้น
  • พกลิปมันไว้ติดตัว เลือกที่มีส่วนผสมของสารกันได้จะดี เพราะแสงแดดเป็นตัวการสำคัญในการทำลายผิวปากให้หมองคล้ำและแห้งแตก
  • say no ให้กับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ คาเฟอีน และไม่สูบบุหรี่ ซึ่งเป็นสาเหตุให้อาการปากแห้งแย่ลงได้
  • หลีกเลี่ยงการซื้อยาแก้แพ้และลดน้ำมูกมาใช้เอง ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
  • ถ้าพบว่ามักหายใจทางปากเวลานอน ควรปรับนิสัยให้หายใจทางจมูก หรือผู้ที่นอนกรนก็ควรได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม รวมถึงใช้เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศขณะนอนหลับ

เท้า : ต้นเหตุคือ ไขมันใต้ผิวหนังบริเวณส้นเท้าจะลดลง และด้วยความที่ผิวหนังบริเวณนี้ต้องรับน้ำหนักของร่างกายอยู่ตลอด จึงทำให้แห้ง หยาบ และแตกได้ง่าย พอส้นเท้าแตกแล้วจะทำให้ขาดความมั่นใจ ไม่งาม สาวๆ ก็ไม่กล้าใส่รองเท้าเปิดส้นไปอวดใคร เรื่องนี้จะมองข้ามไปไม่ได้ ต้องแก้ไขด่วน

To do:

  • แช่เท้าในน้ำอุ่นวันละ 20 นาทีจะช่วยให้ผิวหนังที่แข็งนุ่มลง
  • ใช้แปรงขนอ่อนนุ่มทำความสะอาดบริเวณส้นเท้าที่แตก หรือถ้าผิวหนังบริเวณที่แตกหนาและแข็งมากให้ใช้หินขัดเท้าขัดทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
  • ใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้นควบคู่ด้วย ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เท้าแห้งแตกมากกว่าเดิม
  • สวมถุงเท้าหรือรองเท้าอยู่บ้านเป็นประจำแม้ยามอยู่ในบ้าน

ผม : ด้วยความที่ฮอร์โมนเพศหญิงหรือฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ส่งเสริมความแข็งแรงของวงจรเส้นผมลดลงอย่างมาก สุขภาพของเส้นผมของผู้หญิงจะเป็นปัญหาหกว่าผู้ชาย ยิ่งผสมเข้ากับเหตุปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เส้นผมสูญเสียโปรตีนหรือเคราตินรวมถึงน้ำหล่อเลี้ยง เส้นผมจึงยิ่งอ่อนแอ ไม่ยืดหยุ่นเงางาม และแห้งกระด้างขึ้น

To do:

  • ไม่ควรสระผมบ่อย แค่ประมาณ 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ก็พอ และเลือกใช้แชมพูที่มีความอ่อนโยน รวมถึงควรใช้ครีมนวดผมหลังสระทุกครั้ง
  • หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องมือจัดแต่งทรงผมที่ให้ความร้อน พวกโรลม้วนที่ขายออนไลน์ทั้งหลายที่ทำเอง
  • ถ้าเป็นไปได้แนะนำให้บำรุงผมด้วยทรีทเม้นท์สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
  • เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แค่นี้เส้นผมของคุณก็จะกลับมานุ่มสลวยเงางามอย่างเคยแล้ว

เพราะเทรนด์ออร์แกนิกไม่ได้หมายถึงแค่อาหารอย่างเดียวเท่านั้น แต่เรื่องของการดูแลผิวจากผลิตภัณฑ์แนวออร์แกนิกก็เป็นเรื่องน่าสนใจที่คุณไม่ควรพลาด อย่าลืมว่าผิวหนังคืออวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย และผิวหนังยังดูดซึมสารต่างๆ ได้มากถึง 60% การจะเลือกอะไรทาบนผิวจึงเป็นเรื่องที่เราควรใส่ใจมากเป็นพิเศษ ไม่แพ้การเลือกรับประทาน นอกจากจะใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีที่อาจส่งผลในระยะยาว ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ อย่างภูมิแพ้หรือมะเร็งแล้ว สกินแคร์แนวออร์แกนิกยังมีสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินในปริมาณที่สูง เนื่องจากเป็นพืชที่เติบโตปราศจากสารเคมี และยังให้เราได้รับประโยชน์จากธรรมชาติแบบเต็มๆ ใครที่กลัวว่าใช้แล้วจะไม่เห็นผลคงต้องเปลี่ยนใจเสียใหม่แล้วคราวนี้ นอกจากดีต่อเราแล้ว แน่นอนว่ายังดีต่อสิ่งแวดล้อม ดีต่อโลกอีกด้วย แนะนำอีกนิดว่าควรเลือกแบรนด์แนวออร์แกนิกที่ได้คุณภาพการรับรอง สังเกตง่ายๆ จากตรา USDA หรือ ECOCERT เพื่อความมั่นใจว่าเป็นออร์แกนิกแบบแท้ๆ

We recommend: Monn แบรนด์สกินแคร์ของคนไทยที่เลือกใช้เฉพาะส่วนผสมสกัดจากธรรมชาติและออร์แกนิกนำเข้าได้มาตรฐานระดับ USDA ผ่านการรับรองจากอย. ปราศจากน้ำหอมกลิ่นสังเคราะห์ และผลิตครั้งละไม่มากเพื่อคงความสดของส่วนผสมไว้ให้ยาวนานแบบปราศจากสารกันเสีย สนใจรายละเอียด คลิกดูได้ที่ Facebook: https://www.facebook.com/monn.organic/ พร้อมรับส่วนลด 20% ทันทีสำหรับชาว CountUp ทุกคน ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2563

Share this:

Back To Top
×Close search
Search