fbpx

เลือกเพื่อนซี้ 4 ขาให้สมวัย 50

ไม่ว่าคุณจะมีน้องหมาเป็นเพื่อนสนิทอยู่แล้วกี่ตัว อาจจะเคยมี หรือยังไม่มีเลย วันนี้ถ้าอยากมีเพื่อนนอน เพื่อนไว้ระบายหรือเพื่อนเที่ยวเล่นสี่ขาในช่วงอายุแตะเลข 5 อีกสักตัว ก็ต้องเลือกด้วยเหตุผลที่ไม่เหมือนในช่วงวัยอื่นๆ เพราะเมื่อเราอายุขึ้นเลข 5 การเลือกสุนัขตัวใหญ่ๆ แรงเยอะๆ หรือพันธุ์ที่ซุกซน อยู่ไม่นิ่ง ไม่น่าใช่คำตอบอีกต่อไปแต่ต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะกับวัยเราเอง CountUp แนะนำ 3 ข้อควรคำนึงถึงในการตัดสินใจเลือกเพื่อนตัวนี้ที่จะเป็นเพื่อนกันไปอย่างน้อยอีก 10 ปี จะได้แฮปปี้ทั้งคนเลี้ยงและสัตว์เลี้ยง

1. ดูสายพันธุ์ นิสัย ไลฟ์สไตล์

เมื่อเราอายุขึ้นเลข 5 การเลือกสุนัขตัวใหญ่ๆ แรงเยอะๆ หรือพันธุ์ที่ซุกซน อยู่ไม่นิ่ง ไม่น่าใช่คำตอบอีกต่อไป สิ่งที่ควรคำนึงถึง คือการเลือกสุนัขพันธุ์ที่เหมาะกับกิจวัตรประจำวันของเรา รวมทั้งพละกำลัง และสุขภาพร่างกายของเราเป็นหัวใจสำคัญ จึงควรเป็นหมาขนาดกลางหรือเล็ก มีอารมณ์มั่นคง สุภาพอ่อนโยน ไม่มีเรี่ยวแรงกำลังมาก ไม่ซุกซนจนเกิดปัญหาทั้งทางร่างกายและทรัพย์สิน ไม่ดุร้าย เลี้ยงง่าย ไม่ต้องดูแลเอาใจใส่ทุกขั้นตอน ไม่สร้างความสกปรกเลอะเทอะให้ตามเก็บกวาด ไม่ชอบขุดคุ้ยกัดทำลายข้าวของ หมาที่มีขนยาวขนเยอะ อาจจะไม่เหมาะกับคนเป็นโรคภูมิแพ้ โรคปอดหรือทางเดินหายใจ

สิ่งที่ต้องพิจารณาอีกคือ พื้นที่อาศัย รวมถึงสิ่งแวดล้อม หมาบางพันธุ์ต้องการเดินวิ่งออกกำลังกาย ควรเลี้ยงในบ้านที่พื้นที่สนามหรืออยู่ใกล้สวนสาธารณะ หากอยู่คอนโดก็ควรระวังไม่เลือกหมาที่ชอบเห่าส่งเสียงรบกวนเพื่อนบ้าน หมาตัวใหญ่ก็อาจจะวิ่งโครมครามเสียงดังจนห้องข้างเคียงต้องไปฟ้องนิติบุคคล ถ้าเลือกพันธุ์ที่ชอบอยู่นิ่งๆ นั่งเล่นเงียบๆ บนตักระหว่างเราอ่านหนังสือหรือดูซีรีส์ ก็เหมาะเป็นเพื่อนแท้ของเราดีกว่า

2. เลือกอายุและน้ำหนักก่อนเลี้ยง

การเลี้ยงลูกหมาตัวเล็กๆ ตั้งแต่เด็กมีข้อดีคือการเรียนรู้ทำความรู้จักและพัฒนากันไปตั้งแต่ต้น แต่ก็ต้องการพลังงาน เวลา ความสนใจ และความอดทน เพราะพวกเขาต้องอาศัยเวลาเพื่อเติบโตและพัฒนาบุคลิก เวลาที่เหมาะจะแยกลูกสุนัขจากแม่เพื่อไปบ้านหลังใหม่คือ ตอนอายุ 8 – 12 สัปดาห์ หลังจากหย่านมและกำลังอยู่ในช่วงพัฒนาจากเด็กย่างโตเต็มวัย ขณะที่ข้อดีของการเลือกเลี้ยงหมาที่โตแล้วคือ ไม่ต้องการการดูแลใกล้ชิดเข้มข้นมากนัก บางตัวอาจจะถูกฝึกมาแล้ว แต่ข้อเสียก็มีคือ ต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ก็ต้องลองชั่งใจดูพฤติกรรมและกิจวัตรของเราว่าเหมาะกับแบบไหนอีกหนึ่งตัวเลขที่ต้องพิจารณาคือ น้ำหนักของสัตว์เลี้ยง เราต้องแน่ใจว่าจะสามารถจูงสู้แรงน้องหมาได้เวลาพาเดินหรือวิ่งเล่น และสามารถแบกรับภาระในการเคลื่อนย้ายอย่างเช่น ต้องอุ้มในยามฉุกเฉินที่ต้องพาไปพบกับสัตวแพทย์ เป็นต้น

3.ค่าใช้จ่าย … บางอย่างที่อาจคาดไม่ถึง

การเลี้ยงหมาสักหนึ่งตัวแบบที่เป็นเพื่อนของเราไปได้อีกเป็นสิบปีนั้น เป็นการลงทุนที่จริงจัง มีค่าใช้จ่ายตั้งแต่เริ่มต้นรับเลี้ยงดู ไม่ว่าจะอาหาร ของเล่น การดูแลสุขภาพ ทำหมัน ฉีดวัคซีน ควบคุมหมัดและเห็บ การกรูมมิ่งอย่างการทำขนทำเล็บ เป็นต้น หนึ่งในค่าใช้จ่ายสูงที่สุดในการเป็นเจ้าของหมาคือ การพบสัตวแพทย์ ก่อนจะรับหมาสักตัว อย่าลืมศึกษาเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ และความเสี่ยงต่อโรคของแต่ละสายพันธุ์ก่อน ถ้ามั่นใจว่าสถานะทางการเงินของเรามั่นคง พร้อมรับเพื่อนใหม่ก็ลุยเลย

4.พันธุ์นี้ที่ใช่สำหรับชาว CountUp

ชิสุ (Shi Tzu) หมารุ่นเล็ก น้ำหนักเบาประมาณ 4-7 กก. สิ่งที่ชิสุต้องการคือ การแปรงขนทุกวัน ไม่อย่างนั้นต้องตัดแต่งขนให้สั้น จะได้ง่ายต่อการทำความสะอาด ควรอาบน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และต้องเป่าขนให้แห้งทันที เพราะอาจอับชื้น เกิดปัญหาผิวหนังอักเสบมีเชื้อรา

พุดเดิ้ล (Poodle) ต้องให้คอยตัดแต่งขนสม่ำเสมอ และแปรงขนเป็นประจำ เพราะถ้าขนจับกันเป็นก้อนทำให้เกิดแผลกดทับได้ ควรอาบน้ำ 2 สัปดาห์ต่อครั้ง อีกอย่างหนึ่งที่ต้องระวังคือ โรคเกี่ยวกับดวงตา และโรคหัวใจ

ปั๊ก (Pug) มีขนสั้นแต่มักจะร่วง ควรแปรงขนเป็นประจำ หลังอาบน้ำควรเป่าขนให้แห้ง ไม่อย่างนั้นอาจเกิดราหรือผิวหนังอักเสบตรงร่องรอยย่น ควรพาปั๊กเดินเล่นประมาณ 15 นาทีทุกวัน ไม่อย่างนั้นก็หาของให้เล่นในบ้านก็ได้ หมาหน้าสั้นอย่างปั๊ก อาจมีปัญหาระบบทางเดินหายใจ หายใจเสียงดัง และเกิดภาวะฮีทสโตรกได้ง่าย โตเต็มที่น้ำหนักราว 6 – 8 กก.

ชิบะ อินุ (Shiba Inu) มีขนที่แน่นและหนาจึงต้องเป่าขนให้แห้งอยู่ทุกครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาผิวหนัง รูปร่างกระทัดรัดสามารถเล่นหรือกำลังกายด้วยตัวเอง ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี อยู่คอนโดได้ แต่ก็ควรพาไปเดินหรือวิ่งเล่นนอกบ้านบ้าง น้ำหนักประมาณ 8-10 กก.

ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador retriever) ใครที่คิดว่า สามารถจัดการกับหมาขนาดกลาง แรงค่อนข้างเยอะ มีความกระตือรือร้นสูง รวมทั้งต้องการการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะวิ่งหรือว่ายน้ำอย่างสม่ำเสมอ ก็รับไปเลี้ยงได้เลย น้ำหนักประมาณ 24-31 กก.

โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden retriever) ตัวเลือกสำหรับคนที่อยากได้หมาตัวใหญ่หน่อย เข้าได้กับทุกเพศทุกวัย ฝึกง่าย ถ้าได้ทำกิจกรรมวิ่ง ว่ายน้ำ หรือเล่นอย่างเพียงพอแล้ว มันจะกลายเป็นหมาที่สงบนิ่งในบ้านได้ เหมาะสำหรับเจ้าของที่มีชีวิตชีวากระฉับกระเฉง น้ำหนักประมาณ 25-34 กก.

Share this:

Related Stories